วันนี้มอะไรบ้าง

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

ชมทุ่งหญ้าสีทอง น้ำทะเลใส ๆ ณ หมู่เกาะระ-เกาะพระทอง

  พังงา...จังหวัดที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลากหลาย ทั้งทางด้านศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติทั้งบนบกและใต้น้ำ ที่วางตัวเรียงรายในทะเลอันดามัน โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่ออย่าง หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสุรินทร์ อ่าวพังงา เกาะปันหยี เกาะยาว เป็นต้น รวมถึงวิถีชีวิตชุมชนเก่าแก่ที่น่าสนใจ จึงไม่ต้องแปลกใจหากใคร ๆ ต่างก็พากันแวะเวียนไปสัมผัสกับความงดงามของพังงา
เพราะฉะนั้น วันนี้น้ำหวานขอนำเสนออีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว ที่รับรองได้ว่าสวยงามไม่แพ้ใคร นั่นก็คือ หมู่เกาะระ และ เกาะพระทอง ซึ่งตั้งอยู่ใน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระ-เกาะพระทอง ซึ่งยังคงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยผืนป่าชายเลน และน้ำทะเลสวยใส เอ้า...ถ้าพร้อมแล้วก็ตามเราไปเที่ยวเลย

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระ-เกาะพระทอง

          อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระ–เกาะพระทอง เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเล อยู่ในระหว่างการดำเนินการเพื่อประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติตามกฎหมาย มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอคุระบุรี และอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ประกอบไปด้วยเกาะต่างๆ ที่อยู่ติดทะเลอันดามัน ได้แก่ เกาะระ เกาะคอเขา เกาะพระทอง เกาะปลิง–เกาะพ่อตา เกาะลูกตุ้ม เกาะทุ่งนางดำ และมีเกาะขนาดเล็กต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ป่าชายเลนจำนวน 37 เกาะ

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระ-เกาะพระทอง

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระ-เกาะพระทอง

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระ-เกาะพระทอง


          สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ เกาะพระทอง เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอัน 5 ของประเทศ ส่วนบริเวณกลางเกาะจะเป็นแหล่งทุ่งหญ้าสีทองที่หาดูยาก และป่าพรุมีไม้เสม็ดสีขาวขึ้นเด่นสง่า ครอบคลุมพื้นที่ถึงประมาณ 30,000 ไร่ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งใน Unseen in Thailand อีกด้วย นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของกวางป่า หมูป่า ‎ที่สำคัญคือเป็นแหล่งอาศัยของนกตะกรุม ซึ่งมีเหลืออยู่ไม่กี่แห่งของประเทศ เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์นานาชนิด และเหมาะสำหรับตั้งแคมป์ ส่องสัตว์ ขี่จักรยาน ดูนก และศึกษาธรรมชาติ

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระ-เกาะพระทอง

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระ-เกาะพระทอง

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระ-เกาะพระทอง

          เกาะระ (อ่าวเส็ง) เป็นเกาะที่มีความลาดชันสูง มีที่ราบบางแห่งใกล้ ๆ ชายหาด ประกอบด้วยป่าดิบชื้นที่สมบูร์ สามารถทำเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติได้เป็นอย่างดี ชายหาดด้านทิศตะวันตกและทิศเหนือกว้างและยาว เหมาะแก่การเล่นน้ำ อาบแดด และชมอาทิตย์ตก อีกทั้งยังมีแหล่งดำน้ำที่สามารถชมกลุ่มกัลปังหาแดงสลับม่วงได้ด้วย

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระ-เกาะพระทอง

          เกาะปลิง - เกาะพ่อตา ตั้งอยู่ชิดกันทางด้านทิศตะวันตก เป็นอีกเกาะที่มีความสวยงามอีกที่ที่น่าค้นหา และเหมาะสำหรับนั่งชมพระอาทิตย์ตกมากเพราะเป็นบรรยากาศที่สวยงาม และมีแนวปะการังสามารถดำน้ำชมได้

          เกาะคอเขา เป็นเกาะเล็ก ๆ ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำตะกั่วป่า สภาพทั่วไปเป็นภูเขาสลับที่ราบ มีชายหาดสวยงาม แนวหาดยาวตลอดความยาวของเกาะ มีแหล่งโบราณคดี ในนาม โบราณคดีเกาะคอเขา หรือที่เรียกว่า แหล่งโบราณคดีบ้านทุ่งตึก ซึ่งในบริเวณนี้มีซากอาคารโบราณสถานอยู่ 3 แห่ง นอกจากนี้ ยังพบฐานเทวรูป เหรียญเงิน อินเดีย เศษทองคำ และผงทรายทอง ปัจจุบันโบราณสถานดังกล่าวถูกทำลายไป คงเหลือแต่เพียงซากของฐานก่ออิฐเพียงบางส่วนเท่านั้น 

          น้ำตกสวนใหม่ ตั้งอยู่บ้านสวนใหม่ ต้นน้ำเกิดจากเขาพระหมี เป็นน้ำตกขนาดกลาง เป็นน้ำตกที่มี สายน้ำตกจากหินผาลงสู่แอ่ง และแอ่งสามารถเล่นน้ำได้ บริเวณน้ำตกมีความสมบูรณ์ของป่าดิบชื้น

          ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระ-เกาะพระทอง ตำบลคุระ อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา 82150 โทรศัพท์             0 8195 68901 begin_of_the_skype_highlighting            0 8195 68901      end_of_the_skype_highlighting       โทรสาร             0 7647 2147 begin_of_the_skype_highlighting            0 7647 2147      end_of_the_skype_highlighting      

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระ-เกาะพระทอง

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระ-เกาะพระทอง


การเดินทาง

          รถยนต์

          การเดินทางสามารถเดินทางโดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ โดยใช้ทางหลวงแผ่นดินหมาย 4 ถึงอำเภอคุระบุรีและเดินทางต่อไปยังท่าเทียบเรือเพื่อไปยังเกาะต่าง ๆ

          เรือ

          การเดินทางท่องเที่ยวโดยทางเรือ สามารถติดต่อเรือนำเที่ยวได้ที่บริเวณท่าเรือต่าง ๆ โดยจ้างเหมาลำ ท่าเรือที่สะดวกแก่การเดินทาง ได้แก่...

          • ท่าเทียบเรือนางย่อน อยู่บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์

          • ท่าเทียบเรือบ้านน้ำเค็ม อำเภอตะกั่วป่า สามารถเดินทางไปยังเกาะคอเขาใช้เวลาประมาณ 30 นาที

          • ท่าเทียบเรือบ้านทุ่งละออง ซึ่งสามารถเดินทางจากบ้านทุ่งละอองโดยเรือพาดหางไปยังด้านใต้ของเกาะพระทองภายในเวลา 20 นาทีและเกาะคอเขาด้านเหนือ ใช้เวลา 20 นาที

ขอขอบคุณ 
http://travel.kapook.com

      และ พังงาซิตี้ดอทคอม

ทะเลแหวก

         ทะเลแหวก 

ทะเลแหวก (เกาะทับ - เกาะหม้อ - เกาะไก่)

ทะเลแหวกเป็นกลุ่มของเกาะ 3 เกาะ ที่มีหาดทรายเชื่อมติดกันได้แก่ เกาะทับ เกาะหม้อ และ เกาะไก่ สามารถเดินข้ามจากเกาะไก่ไปยังเกาะทับได้ในยามน้ำลง หากจะให้ดีก็ควรจะเป็นในช่วงน้ำลงต่ำสุดในแต่ละวัน โดยเฉพาะในวันก่อนและหลังวันขึ้น 15 ค่ำ ราว 5 วัน 
ทะเลแหวก

เกาะทัพ

เกาะทัพ เป็นเกาะเล็กๆ มีหาดทรายเฉพาะด้านใต้ ยามน้ำลด หาดทรายทางด้านใต้นี้ จะเชื่อมต่อกับแนวสันทรายของเกาะปอดะนอก กลายเป็นสะพานธรรมชาติยาวประมาณ 200 เมตร แม้จะเป็นหาดทรายเล็กๆ แต่เม็ดทรายละเอียดและขาวมาก น้ำทะเลใส 
เกาะหม้อ - ทะเลแหวก

เกาะหม้อ

เกาะหม้อ เป็นโขดหิน ไม่มีชายหาดให้ขึ้นไปบนเกาะ น้ำทะเลใสสะอาด เกาะหม้อ อยู่ห่างจากเกาะทัพ เพียง 70 เมตร หากน้ำลดจะมีสันทรายเชื่อมต่อกัน สามารถเดินจากเกาะหนึ่งไปอีกเกาะหนึ่งได้
เกาะไก่

เกาะไก่เกาะไก่ หรือเกาะปอดะนอก หรือเกาะด้ามขวาน เกาะรูปร่างประหลาด ซึ่งกลายเป็นที่มาของชื่อเกาะอันหลากหลาย เนื่องจากชะง่อนผาที่ยื่นออกมาทางด้านใต้ ทำให้ผู้พบเห็นเกิดจินตนาการต่างๆกันไป บ้างก็เห็นเกาะคล้ายกับส่วนหัวของไก่ บ้างก็เห็นเป็นด้ามขวานที่วางตั้งอยู่ แต่ฝรั่งตาน้ำข้าวกลับมองเห็นเป็นป็อบอาย ตัวการ์ตูนดังในสมัยยังแรกรุ่น หรือบางท่านอาจจะยังอยู่ในวัยอ่อนเดียงสา กำลังนอนคาบไปป์อย่างมีความสุข ท่านสามารถดำผิวน้ำชมปะการังน้ำตื้น หรือปะการังแข็งได้ที่เกาะไก่นี้ แต่ความสมบูรณ์ของปะการังก็คงไม่อาจเทียบเท่ากับแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆที่ห่างไกลจากผืนแผ่นดินใหญ่ ความประทับใจที่ท่านจะได้พบ ก็คงจะเป็น หาดทรายขาวทอดยาว เคียงคู่ไปกับน้ำทะเลสวยใส กับปลาลายเสือฝูงใหญ่ ที่มีมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศ ที่มักจะมารอคอยต้อนรับ และ พร้อมที่จะเล่นกับผู้มาเยือนอยู่เสมอ
เกาะสี่ กระบี่

เกาะสี่

เกาะสี่ เกาะหินปูนกลางทะเล ดำน้ำดูปลาและปะการังที่สวยงาม ชมฝูงปลาเสือที่มีมากมาย ปลานกแก้ว ชมดอกไม้ทะเลและปลาการ์ตูนที่มีมากมาย


  การเดินทาง & แผนที่ ทะเลแหวก เกาะปอดะ เกาะไก่ เกาะสี่


จากตัวจ.กระบี่ สู่อ่าวนาง

เส้นทางการเดินทาง จากตัวจ.กระบี่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 4204 ต่อด้วย ทางหลวงหมายเลข 4203 ถึง อ่าวพระนาง แล้วลงเรือที่อ่าวนาง
    จากอ่าวนาง จะมีเรือเช่าเหมาลำให้บริการพานักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมทะเลแหวก หรือ หมู่เกาะปอดะซึ่งการเดินทางไปยัง ทะเลแหวก นี้จะไม่มีเรือโดยสารแบบประจำทางจะต้องเช่าเรือเหมาลำซึ่งมีให้เลือกทั้ง เรือหางยาวช้าหน่อยแต่ได้บรรยากาศ หรือเรือ Speed boad หากเน้นความเร็วในการเดินทาง เรือจะพาท่านชม หมู่เกาะปอดะ - ทะเลแหวก ปกตเรือจะไป 4 เกาะ คือ เกาะปอดะ เกาะทัพ เกาะหม้อ เกาะไก่ จะไม่พาไปเกาะสี่ แล้วก็ไม่ค่อยเห็นแพคเกจไหนพาไปเกาะสี่ด้วย ต้องตกลงกันให้ดีว่าให้ไปที่เกาะสี่ด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ติดต่อที่ ททท.สำนักงานกระบี่ 
โทร.             075 622 163 begin_of_the_skype_highlighting            075 622 163      end_of_the_skype_highlighting      





ขอบคุณ
http://www.phudoilay.com
http://www.youtube.com

เที่ยวชมวัดพระเเก้ว



วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
วัดพระแก้วมรกต วัดสำคัญที่สุดของกรุงรัตนโกสินทร์

     วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดพระแก้ว นั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๕ แล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๓๒๗
     เป็นวัดที่สร้างขึ้นในเขตพระบรมมหาราชวัง ตามแบบวัดพระศรีสรรเพชญ สมัยอยุธยา วัดนี้อยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอก ทางทิศตะวันออก มีพระระเบียงล้อมรอบเป็นบริเวณ เป็นวัดคู่กรุงที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ใช้เป็นที่บวชนาคหลวง และประชุมข้าทูลละอองพระบาทถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา

     รัชกาลที่ ๑ โปรดเกล้าให้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรหรือพระแก้วมรกต พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทย มาประดิษฐาน ณ ที่นี้ วัดพระศรีรัตนศาสดารามนี้ ภายหลังจากการสถาปนาแล้ว ก็ได้รับการปฏิสังขรณ์สืบต่อมาทุกรัชกาล เพราะเป็นวัดสำคัญ จึงมีการปฏิสังขรณ์ใหญ่ทุก ๕๐ ปี คือในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบัน
     เนื่องในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ ๒๐๐ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ที่ผ่านมา การบูรณปฏิสังขรณ์ที่ผ่านมา มุ่งอนุรักษ์สถาปัตยกรรมและศิลปกรรมอันเป็นมรดกชิ้นเอกของชาติ ให้คงความงามและรักษาคุณค่าของช่างศิลปไทยไว้อย่างดีที่สุด เพื่อให้วัดพระศรีรัตนศาสดารามนี้อยู่คู่กับกรุงรัตนโกสินทร์ตลอดไป
พระอุโบสถ
สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๑ เป็นพระอุโบสถขนาดใหญ่ หลังคาลด ๔ ระดับ ๓ ซ้อน มีช่อฟ้า ๓ ชั้น ปิดทองประดับกระจก ตัวพระอุโบสถมีระเบียงเดินได้โดยรอบ มีหลังคาเป็นพาไลคลุม รับด้วยเสานางรายปิดทองประดับกระจกทั้งต้น พนักระเบียงรับเสานางราย ทำเป็นลูกฟักประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีอย่างจีน ตัวพระอุโบสถมีฐานปัทม์รับอีกชั้นหนึ่ง ประดับครุฑยุดนาคหล่อด้วยโลหะปิดทอง มีเสารายเทียนหล่อด้วยทองแดงล้อมรอบทั้งสี่ด้าน
ผนังพระอุโบสถ ในรัชกาลที่ ๑ เขียนลายรดน้ำบนพื้นชาดแดง รัชกาลที่ ๓ โปรดเล้าฯ ให้ปั้นลายพุ่มข้าวบิณฑ์ ปิดทองประดับกระจก เพื่อให้เข้ากับผนังมณฑป ปิดทองประดับกระจก บานพระทวารและพระบัญชรประดับมุกทั้งหมด ฝีมือช่างสมัยรัชกาลที่ ๑ ที่เชิงบันไดมีสิงห์หล่อด้วยสำริดบันไดละคู่ รวม ๑๒ ตัว โดยได้แบบมาจากเขมรคู่หนึ่ง แล้วหล่อเพิ่มอีก ๑๐ ตัว
พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร

     ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร(พระแก้วมรกต)
พระพุทธรูปปางสมาธิ ทำด้วยมณีสีเขียวเนื้อเดียวกันทั้งองค์ หน้าตักกว้าง ๔๘.๓ ซม. สูงตั้งแต่ฐานถึงยอดพระเศียร ๖๖ ซม. ประดิษฐานอยู่ในบุษบกทองคำ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มีพระราชศรัทธาสร้างเครื่องทรงถวายเป็นพุทธบูชา สำหรับฤดูร้อนและฤดูฝน
     เครื่องทรงสำหรับฤดูร้อน เป็นเครื่องต้นประกอบด้วยมงกุฎพาหุรัด ทองกร พระสังวาล เป็นทองลงยา ประดับมณีต่างๆ จอมมงกุฎประดับด้วยเพชร
     เครื่องทรงสำหรับฤดูฝน เป็นทองคำ เป็นกาบหุ้มองค์พระอย่างห่มดอง จำหลักลายที่เรียกว่าลายพุ่มข้าวบิณฑ์ พระเศียรใช้ทองคำเป็นกาบหุ้ม ตั้งแต่ไรพระศกถึงจอมเมาฬี เม็ดพระศกลงยาสีน้ำเงินแก่ พระลักษมีทำเวียนทักษิณาวรรต ประดับมณีและลงยาให้เข้ากับเม็ดพระศก
     พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างเครื่องฤดูหนาวถวายอีกชุดหนึ่ง ทำด้วยทองเป็นหลอดลงยาร้อยด้วยลวดทองเกลียว ทำให้ไหวได้ตลอดเหมือนกับผ้า ใช้คลุมทั้งสองพาหาขององค์พระ
     บุษบกทองที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร สร้างด้วยไม้สลักหุ้มทองคำทั้งองค์ ฝังมณีมีค่าสีต่างๆ ทรวดทรงงดงามมาก เป็นฝีมือช่างรัชกาลที่ ๑ เดิมบุษบกนี้ตั้งอยู่บนฐานชุกชี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างพระเบญจาสามชั้นหุ้มด้วยทองคำ สลักลายวิจิตรหนุนองค์บุษบกให้สูงขึ้น บนฐานชุกชีด้านหน้า ประดิษฐานพระสัมพุทธพรรณี เป็นพระพุทธรูปที่คิดแบบขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ ๔ โดยไม่มีเมฬี มีรัศมีอยู่กลางพระเศียร จีวรที่ห่มคลุมองค์พระเป็นริ้ว พระกรรณเป็นแบบหูมนุษย์ธรรมดาโดยทั่วไป
     หน้าฐานชุกชีประดิษฐานพระพุทธปฏิมากรฉลองพระองค์รัชกาลที่ ๑ และรัชกาลที่ ๒ องค์ด้านเหนือพระนามว่า พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก องค์ด้านใต้พระนามว่า พระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระพุทธรูปทั้งสองพระองค์นี้ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์สูง ๓ เมตร ทรงเครื่องแบบจักรพรรดิ์หุ้มทองคำ เครื่องทรงเป็นทองคำลงยาสีประดับมณี

หนังสืออ้างอิง : นำชมกรุงรัตนโกสินทร์
(เนื่องในงานสมโภชน์กรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี) โดย กองโบราณคดี กรมศิลปากร พ.ศ. ๒๕๒๕












ลิงค์ แผนที่วัดพระเเก้ว





ขอบคุณ www.youtobe.com
               http://www.dhammathai.org/